1. ทรงผมบ็อบสั้น (Short Bob): ทรงผมบ็อบสั้นที่ตัดสูงขึ้นเหนือไหล่เล็กน้อยเป็นทรงผมสุดคลาสสิคที่กลับมาฮิตอีกครั้งในปี 2567 มอบลุคที่ดูเฉียบคมและทันสมัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงผมที่ดูแลง่ายและไม่ยุ่งยาก
2. ทรงผมมัลเล็ตลายใหม่ (Modern Mullet): ทรงผมมัลเล็ตลายใหม่เป็นทรงผมที่ตัดสั้นที่ด้านข้างและด้านหลัง แต่ยาวที่ด้านบน มักจะตัดเป็นเลเยอร์เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและเนื้อสัมผัส ทรงผมนี้ช่วยสร้างลุคที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงผมที่ดูไม่เหมือนใคร
3. ทรงผมวูล์ฟคัต (Wolf Cut): ทรงผมวูล์ฟคัตเป็นทรงผมที่ตัดสั้นที่ด้านข้างและด้านหลัง แต่ยาวที่ด้านบน มักจะตัดเป็นเลเยอร์เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและเนื้อสัมผัส ทรงผมนี้ช่วยสร้างลุคที่ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยในแบบที่ตั้งใจ แต่ยังคงดูทันสมัยและมีสไตล์
4. ทรงผมแช็กกี้ (Shaggy): ทรงผมแช็กกี้เป็นทรงผมที่ตัดสั้นที่ด้านข้างและด้านหลัง แต่ยาวที่ด้านบน มักจะตัดเป็นเลเยอร์เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและเนื้อสัมผัส ทรงผมนี้ช่วยสร้างลุคที่ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยแต่ยังคงดูมีเสน่ห์และเป็นธรรมชาติ
5. ทรงผมพิกซี่ (Pixie): ทรงผมพิกซี่เป็นทรงผมสั้นมากๆ ที่ตัดสั้นที่ด้านข้างและด้านหลัง แต่ยาวที่ด้านบน ทรงผมนี้ช่วยสร้างลุคที่ดูเท่และเป็นเอกลักษณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงผมที่ดูแลง่ายและไม่ยุ่งยาก
6. ทรงผมบ๊อบยาว (Long Bob): ทรงผมบ๊อบยาวเป็นทรงผมที่ตัดสั้นที่เหนือไหล่เล็กน้อย แต่ยาวกว่าบ๊อบสั้น มักจะตัดเป็นเลเยอร์เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและเนื้อสัมผัส ทรงผมนี้ช่วยสร้างลุคที่ดูทันสมัยและเป็นทางการเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงผมที่ดูแลง่ายแต่ยังคงดูมีสไตล์
7. ทรงผมโค้งมน (Rounded Bob): ทรงผมโค้งมนเป็นทรงผมที่ตัดสั้นที่เหนือไหล่เล็กน้อย แต่ยาวกว่าบ๊อบสั้น มักจะตัดเป็นเลเยอร์เพื่อเพิ่มวอลลุ่มและเนื้อสัมผัส ทรงผมนี้ช่วยสร้างลุคที่ดูนุ่มนวลและเป็นผู้หญิงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงผมที่ดูแลง่ายแต่ยังคงดูมีเสน่ห์
0 Comments