1. ปิดระบบหมุนเวียนอากาศภายในรถ

ระบบหมุนเวียนอากาศภายในรถจะช่วยป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาในรถ แต่ก็อาจทำให้เกิดการสะสมของกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้น หากต้องการระบายกลิ่นในรถโดยไม่ต้องลดกระจก ให้ปิดระบบหมุนเวียนอากาศภายในรถก่อน

  1. เปิดช่องอากาศเข้าให้อยู่ในตำแหน่ง “Fresh Air”

ช่องอากาศเข้ามี 2 ตำแหน่งหลักๆ คือ “Fresh Air” และ “Recirculated Air” ตำแหน่ง “Fresh Air” จะช่วยให้อากาศภายนอกเข้ามาในรถได้ ส่วนตำแหน่ง “Recirculated Air” จะช่วยให้อากาศภายในรถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้น หากต้องการระบายกลิ่นในรถ ให้เปิดช่องอากาศเข้าให้อยู่ในตำแหน่ง “Fresh Air”

  1. ปรับความแรงของพัดลมให้อยู่ในระดับสูง

ความแรงของพัดลมจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศภายในรถ ซึ่งจะช่วยระบายกลิ่นได้ดีขึ้น ดังนั้น ให้ปรับความแรงของพัดลมให้อยู่ในระดับสูง

  1. เปิดแอร์หรือฮีตเตอร์

การเปิดแอร์หรือฮีตเตอร์จะช่วยไล่ความชื้นในอากาศ ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับได้

  1. ใช้สเปรย์ดับกลิ่นหรือน้ำหอมปรับอากาศ

หากยังมีกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์หลงเหลืออยู่ ให้ใช้สเปรย์ดับกลิ่นหรือน้ำหอมปรับอากาศเพื่อช่วยดับกลิ่น แต่ควรใช้แต่พอประมาณเพื่อป้องกันการสะสมของสารเคมีในอากาศ

  1. ทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำ

การทำความสะอาดภายในรถเป็นประจำจะช่วยป้องกันการสะสมของฝุ่นละออง เชื้อรา แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ดังนั้น ควรหมั่นทำความสะอาดภายในรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

Categories: Car

0 Comments

ใส่ความเห็น

Avatar placeholder

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *